องค์กรอัจฉริยะ(Organization Intelligence)
องค์กรของคุณไม่ว่าเล็กหรือใหญ่สามารถที่จะขับพลังที่ซ่อนเร้นอยู่ภายในเพื่อสร้างให้เป็นองค์กรแห่งอัจฉริยะได้ทั้งสิ้น องค์กรอัจฉริยะคือ “องค์กรที่สามารถใช้ทรัพยากรที่มีอยู่อย่างชาญฉลาดพร้อมทั้งสามารถปรับตัวเพื่อสร้างความสามารถที่มีเอกลักษณ์ในการแข่งขันในการสร้างคุณค่าเพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าอย่างแท้จริง” เคล็ดลับที่สำคัญก็คือ กระบวนการที่สร้างความฉลาด (S-M-A-R-T development process) ที่เริ่มตั้งแต่การสร้างจุดร่วมพลัง การเจียระไนพลังที่อยู่ภายใน การสร้างสถาปัตยกรรมในการปลดปล่อยอัจฉริยภาพ ระบบการปรับตัวที่เรียนรู้การสร้างเสริมปัญญา ตลอดจนการมีวินัยในการสร้างเอกลักษณ์ของอัจฉริยภาพให้เจิดจรัสขึ้น
ทำให้คุณค่าทางทรัพสินลดลงอย่างรวดเร็ว แต่สิ่งที่สำคัญเพิ่มขึ้นก็คือพลังอัจฉริยภาพของคนที่อยู่ในองค์กรที่ขับเคลื่อนองค์กรให้ก้าวไปข้างหน้าด้วยความสามารถที่แข่งขันได้ไม่เฉพาะตลาดในประเทศแต่ต้องในตลาดโลกด้วย ดังนั้นพลังอัจฉริยภาพขององค์กรขึ้นอยู่กับการรวมอัจฉริยภาพส่วนบุคคลและสามารถดึงเอาพลังที่ซ่อนเร้นอยู่มาใช้ได้อย่างสูงสุด และสร้างกระบวนการในการประสานรวมทั้งสามารถพัฒนาให้เกิดการต่อยอดทางนวัตกรรมเพื่อคิดค้นสร้างสรรค์สิ่งใหม่ให้เกิดประโยชน์สูงสุด พร้อมทั้งมีกระบวนการเรียนรู้และสร้างแนวทางในการปฏิบิตงานอย่างมืออาชีพที่หมั่นพัฒนาปรับปรุงตัวเองอยู่ตลอดเวลาให้เกิดประโยชน์สูงสุดแก่ลูกค้า การสร้างองค์กรอัจฉริยะเป็นกระบวนการที่ต้องต่อเนื่อง เพราะการเรียนรู้และการประสานที่เกิดขึ้นนั้นจำเป็นที่ต้องมีการหมุนเวียนไปอย่างต่อเนื่อง และต้องมีการปรับปรุงทั้งในทิศทางที่จะนำพาความเก่งขององค์กร การสร้างกระบวนการปลดปล่อยอย่างมีประสิทธิภาพ การสร้างสถาปัตยกรรมของทักษะในการต่อยอดอัจฉริยภาพ การประสานพลังกับวงจรของความต้องการที่หมุนอยู่ตั้งแต่ลูกค้า ผู้ถือหุ้น
วิกฤตเศรษฐกิจเป็นสถานกาณ์ที่สามารถทดสอบถึงอัจฉริยะภาพขององค์กรได้เป็นอย่างดีว่า องค์กรไหนมีศักยภาพในการแข่งขันระดับไหน หลายองค์กรที่ล้มหายตายจากไปเนื่องจากว่าไม่ได้ประมาณตนว่าตัวเองนั้นมีอัจฉริยภาพในด้านไหน และความเก่งกาจนั้นอยู่ในมิติที่จะแข่งขันในระดับไหนของตลาดโลก เพราะเมื่อตลาดเงินทุนเปิดเรามักจะนำเงินทุนที่ไหลเข้ามามาสร้างความหลายหลายทางธุรกิจแต่หาได้สร้างอัจฉริยภาพขององค์กรในแนวลึกไม่ เมื่อเราขยายตัวในแนวกว้างแต่ไม่ได้ส่งเสริมความสามารถที่แท้จริงในแนวลึกทำให้เกิดความหลายหลายของการทำธุรกิจทำให้เงินที่มีอยู่กลายเป็นเบี้ยหัวแตก หลายองค์กรกลับมาถามตัวเองเมื่อเกิดความผกผันทางวิกฤตว่าถ้ามี
ทรัยพากรและเมล็ดเงินจำกัดเราจะต่อยอดความเก่งของเราในแกนไหนเพื่อที่จะสร้างอัจฉริยภาพของความเก่งกาจที่สามารถจะแข่งขันแบบมืออาชีพในตลาดโลกได้อย่างแท้จริง
อะไรคือองค์กรอัจฉริยะ ? องค์กรอัจฉริยะ คือ “องค์กรที่สามารถใช้ทรัพยากรที่มีอยู่อย่างชาญฉลาดพร้อมทั้งสามารถปรับตัวเพื่อสร้างความสามารถที่มีเอกลักษณ์ในการแข่งขันในการสร้างคุณค่าเพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าอย่างแท้จริง” ในสมัยก่อนนั้นโรงงานและเครื่องจักรคือเครื่องไม้เครื่องมือที่สำคัญ แต่ในปัจจุบันนี้การเปลี่ยนแปลงในการพัฒนาทางเทคโนโลยี่ได้
Copyright reserved by Kris Ruyaporn, Asia Pacific Innovation Center Co.,ltd. Article : องค์กรอัจฉริยะ
พนักงาน และสังคมที่อยู่ด้วย ตลอดจนการสร้างรูปธรรมจากความฉลาดสู่แนวปฏิบัติ ซึ่งกระบวนการนี้แบ่งเป็นห้าขั้นตอนด้วยกันหรือที่เราเรียกกันว่า " S-M-A-R-T Organization Development Process " S - Strategic Vision and cultural formation การกำหนดวิสัยทัศน์และวัฒนธรรม M - Manage intelligence empowerment process การเจียระไนพลังที่มีอยู่ภายใน A - Architect organization competencies การวางสถาปัตย์กรรมในการปลดปล่อยอัจฉริยภาพ R - Realign win-win learning system การสร้างระบบการเรียนรู้ขององค์กร T - Transform wisdom into action สร้างอัจฉริยภาพให้กลายเป็นเอกลักษณ์อย่างเป็นรูปธรรม
S - Strategic Vision and cultural formation (การกำหนดวิสัยทัศน์และวัฒนธรรม) องค์กรที่มีพลังและสามารถประสานอัจฉริยภาพในองค์กรจำเป็นที่จะต้องมีจุดประสงค์และเป้าหมายที่ยิ่งใหญ่ที่จะนำพาให้องค์กรสามารถก้าวไปข้างหน้าด้วยพลังที่สร้างสรรค์จากการปลดปล่อยอัจฉริยภาพของทุกคนในองค์กร ตลอดจนสามารถที่จะสร้างความท้าทายในการปลดปล่อยพลังที่ซ่อนเร้นอยู่ภายในที่ยังไม่ได้ใช้จากบุคคลากรในองค์กรด้วย การสร้างวิสัยทัศน์เป็นศิลปะของผู้นำองค์กรที่ต้องสร้างกุศลโยบายในการประสานพลังแห่งความปรารถนาที่มีอยู่ในตัวบุคคลากรทุกคนไปสู่จุดมุ่งหมายที่กลายเป็นจุดร่วมอันยิ่งใหญ่
ผู้เขียนเองมีโอกาสเป็นที่ปรึกษาในการสร้างวิสัยทัศน์ขององค์กรตลอดจนวัฒนธรรมขององค์กร ทั้งบริษัทข้ามชาติตลอดจนองค์กรสไตล์ไทยตั้งแต่ระดับ SME จนถึงขนาดใหญ่ ถ้าผู้บริหารระดับสูงสามารถใช้วิสัยทัศน์ได้อย่างถูกต้องแล้วการแลกเปลี่ยนวิสัยทัศน์ร่วมกันจะเป็นเครื่องมือในการสื่อสารพลังอันยิ่งใหญ่ที่อยู่ในใจของคนในองค์กรที่ต้องการจะประสานพลังแห่งอัจฉริยภาพ เพราะถ้าหัวใจขององค์กรยังไม่มีพลังพอ การดึงเอาพลังที่ซ่อนเร้นอยู่ภายในก็เป็นไปได้ยาก ความฝันอันยิ่งใหญ่ของคนที่สามารถทำให้เขามีพลังขับเคลื่อนไปข้างหน้าผ่านอุปสรรคต่าง ๆ อย่างไม่ย่อท้อฉันใด วิสัยทัศน์ที่ท้าทายขององค์กรก็เปรียบเสมือนความฝันที่ร่วมพลังอันยิ่งใหญ่ของ
ทุกคนที่นอกจากจะร่วมพลังความฝันอันยิ่งใหญ่เข้าด้วยกันแล้ว ยังจำต้องสร้างรายละเอียดและความคมชัดในการสร้างความฝันให้เป็นความจริงด้วย เพราะการสื่อสารวิสัยทัศน์จำเป็นที่ต้องเข้าถึงคนทุกระดับในองค์กรทั้งความท้าทาย ความเชื่อมั่นในแนวทาง คำมั่นสัญญาของทุกคนในองค์กรที่จะสร้างให้เกิดความสำเร็จร่วมกัน ตลอดจนกำลังใจและความกล้าในการสร้างความฝันนั้นให้เกิดเป็นความจริงขึ้นมา นอกเหนือจากเป้าหมายที่คมชัดที่และมีความหมายแล้ว ค่านิยมและวัฒนธรรมองค์กรก็เป็นปัจจัยสำคัญที่จะทำให้การปลดปล่อยพลังแห่งอัจฉริยภาพขององค์กรเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพดุงดังบรรยากาศของครอบครัวและโรงเรียนมีความสำคัญในการพัฒนาการเจริญเติบโตของเด็กฉันใด บรรยากาศขององค์กรก็มีความสำคัญไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน
Copyright reserved by Kris Ruyaporn, Asia Pacific Innovation Center Co.,ltd. Article : องค์กรอัจฉริยะ
ถ้าครอบครัวมีค่านิยมที่ต้องการให้ลูกเรียบร้อยเหมือนผ้าผับไว้ ทำตามใจของผู้ปกครอง ไม่ต้องการเด็กซน ความสามารถทางความคิดและจินตนาการก็ไม่สามารถพัฒนาได้อย่างเต็มที่ หรืออาจะจะไม่ต้องใช้ด้วยซ้ำไป แต่การสร้างองค์กรแห่งอัจฉริยะนั้นจำเป็นที่จะต้องสร้างบรรยากาศให้ทุกคนในองค์กรสามารถแลกเปลี่ยนแนวความคิดยอมรับไอเดีย และส่งเสริมการต่อยอดของความคิดเพื่อให้เกิดการสร้างสรรค์ที่พัฒนาให้ดีไปกว่าเดิม รวมทั้งการผลักดันให้เกิดแนวความคิดเชิงนวัตกรรมสมัยใหม่จากการเปลี่ยนความคิดสร้างสรรค์พื้นฐานให้เกิดป็นปัญญาเพื่อสร้างสรรค์สื่งใหม่ ๆ แต่บรรยากาศใหม่ในการประสานอัจฉริยภาพนี้ต้องเปลี่ยนแปลงกรอบความคิดจากเดิมในการต้องการนักปฏิบัติที่ดี การเป็นนักคิดที่มีจินตนาการ M - Manage intelligence empowerment process (การการเจียระไนพลังที่มีอยู่ภายใน) เมื่อองค์กรมีความพร้อมทั้งเป้าหมายที่มีพลังรวมทั้งบรรยากาศและวัฒนธรรมองค์กรที่ส่งเสริมให้เกิดการพัฒนาอัจฉริยภาพ ผู้บริหารในองค์กรจำเป็นที่จะต้องมีความสามารถในการเจียระไนและปลดปล่อยอัจฉริยภาพของบุคคลากรในองค์กร ทั้งยังต้องสร้างทักษะในการค้นหาพลังที่ซ่อนเร้นอยู่ภายใน บางองค์กรเริ่มจากการรับคนที่เห็นคุณค่าของตัวเองและพร้อมที่จะพัฒนาคุณค่าที่มีอยู่ภายในให้เจริญงอกงามขึ้นมา ในช่วงวิกฤตเศรษฐกิจนี้บางองค์กรสนใจเป็นอย่างมากในการพัฒนาความสามารถในองค์กร
ที่มีอยู่แต่เรายังไม่ได้ปลดปล่อยออกมา ถ้าเราสามารถปรับกรอบความคิดพื้นฐานว่าทุกคนมีความสามารถขึ้นอยู่กับกลยุทธ์และศิลปะของการเจียระไนเพชรที่มีอยู่ในตัวของแต่ละคนให้เจิดจรัสให้มากที่สุด เมื่อกรอบความคิดในการพัฒนาการเริ่มขึ้นคนเราก็จะเริ่มมองหาความสามารถในตัวเอง ถ้าใครสนใจบทเรียนของผู้ประสบความสำเร็จทั้งหลาย ผู้เขียนได้รวบรวมแนวทางในการค้นหาและสร้างหนทางสู่ความสำเร็จในหนังสือ “พลังแห่งอัจฉริยภาพ” และ “กลยุทธ์สู่การปลดปล่อยอัจฉริยภาพ” ซึ่งทั้งสองเล่มจะกล่าวโดยละเอียดถึงกระบวนการในการเปลี่ยนกรอบความคิดเพื่อสร้างความมั่นใจในตัวเอง การค้นหาพลังความสามารถที่สะสมอยู่ การตั้งเป้าประสงค์ที่มีความหมาย ศิลปะในการเจียระไน ตลอดจนการเสริมสร้างพลังแห่งอัจฉริยภาพ องค์กรที่ต้องการสร้างอัจฉริยภาพจำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องเสริมสร้างกระบวนการคิดนี้ให้เกิดขึ้นในพนักงานทุกระดับเพื่อให้ทุกคนนำเอาพลังที่มีอยู่ในตัวให้ออกมาใช้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด นอกเหนือจากนั้นแล้วทุกคนก็จะมี Leadership intelligence blueprint หรือพิมพ์เขียวของตัวเองในการพัฒนาภาวะผู้นำซึ่งจะประกอบด้วยความถนัดเชิงอัจฉริยภาพ เป้าหมายที่คมชัดทั้งในระยะยาวและสั้นพร้อมกับเนื้อหาของงานที่ชอบและไม่ชอบ รวมทั้งกลุทธ์การเจียระไนให้เข้ากับ
บุคคลิกภาพของตัวเองมากที่สุด ซึ่งจะทำให้ทุกคนมีความั่นใจและเห็นแนวทางที่เด่นชัดในการดึงเอาอัจฉริยภาพที่มีอยู่มาใช้ให้สูงสุด ถ้าสนใจในรายละเอียดสามารถโทรมาคุยกันได้ที่ บริษัทเอเซีย แปซิฟิก อินโนเวชั่น เซ็นเตอร์ 714-4462 หรือที่ผ่าน internet ผู้เขียนยินดีแลกปลี่ยนประสบการณ์และแนวคิดในการพัฒนาอัจฉริยภาพ A - Architect organization competencies (การวางสถาปัตยกรรมในปลดปล่อยอัจฉริยภาพ) ถ้าองค์กรมีความพร้อมทั้งเป้าหมายที่คมชัด บรรยากาศที่ให้กำลังใจ และเน้นการประสานอัจฉริยภาพ ตลอดจนสร้างพิมพ์เขียวและกระบวนการในการเจียระไนอัจฉริยภาพ องค์กรจำเป็นที่จะต้องสร้าง Methodology หรือ กระบวนการในปฎิบัติที่สร้างระเบียบและการสื่อสารพลังร่วมกันตั้งแต่กรอบความคิดในการมองปัญหา การติดสินใจและการหาแนวคิดหาทางเลือก การบริหารการเปลี่ยนแปลง การสื่อสารและสร้างสัมพันธ์ และการประสานการต่อยอดความคิดของทีมงาน ในการสร้างความสามารถในการสร้างมาตราฐานของกระบวนการ หรือ Methodology ในการปฏิบัตินั้น ผู้เขียนเองมีเสียงเรียกร้องจากองค์กรต่าง ๆ ให้จัดรวบรวมแนวคิดเพื่อพัฒนาสถาปัตยกรรมเพื่อสร้างแนวคิดของพนักงานในทางเดียวกันโดยจัดเป็นหลักสูตรขึ้นมา สำหรับหลักสูตรยอดนิยมที่องค์กรส่วนใหญ่ต้องการใส่ไว้เป็นสถาปัตยกรรม
Copyright reserved by Kris Ruyaporn, Asia Pacific Innovation Center Co.,ltd. Article : องค์กรอัจฉริยะ
ในการส่งเสริมการประสานอัจฉริยภาพของทุกคนในองค์กรมีอยู่ 4 หลักสูตรที่สามารถพัฒนาเป็นกระบวนการปฏิบัติในองค์กรได้ก็คือ 1. Innovative problem analysis and decision making (การวิเคราะห์ปัญหาและการตัดสินใจเชิงนวัตกรรม) เป็นการสร้างทักษะในการจัดการกับปัญหาอย่างมีระบบ เริ่มจากการมองปัญหาด้วยแนวทางการวิเคราะห์เพื่อสร้างกรอบความคิดที่ถูกต้อง การสร้างบรรยากาศในการปลดปล่อยความคิดพร้อมทั้งเข้าใจและเคารพการประสานอัจฉริยภาพ ตลอดจนสร้างจินตนาการและทางเลือกที่หลากหลาย การสร้างกระบวนการตัดสินใจในการสร้างทางเลือกที่ชาญฉลาดรวมทั้งการสร้างการติดตามผลในการสร้างรูปธรรมในการตัดสินใจ 2. Change management (กลยุทธ์การบริหารการเปลี่ยนแปลง) เมื่อหาทางเลือกของการแก้ปัญหาได้แล้ว การสร้างรูปแบบใหม่ในการสร้างรูปธรรมต้องเริ่มตั้งแต่การวางแผนโครงการของการเปลี่ยนแปลงว่าจะต้องมีอะไรที่ต้องเปลี่ยนแปลงไปจากเดิม ต้องการทรัพยากรและกำหนดตารางเวลาเพื่อมอบหมายงานและการประสานขั้นตอนต่าง ๆ เพื่อให้สามารถบริหารการเปลี่ยนแปลงอย่างมีประสิทธิภาพ ตลอดจนเข้าใจอุปสรรคในแต่ละช่วงของการบริหารโครงการ ถ้าพนักงานในองค์กรเชี่ยวชาญการบริหารการเปลี่ยนแปลงอย่างเป็นธรรมชาติการพัฒนาอัจฉริยภาพจะเกิดความต่อเนื่องด้วย
3. Relationship innovation and emotional intelligence (การสร้างสรรค์ความสัมพันธ์ การสื่อสารและความฉลาดในการประสานอัจฉริยภาพ) สิ่งที่สำคัญในการต่อยอดอัจฉริยภาพก็คือ การสร้างพื้นฐานของความสัมพันธ์ที่แนบแน่น การเข้าถึงจิตใจและสร้างสายสัมพันธ์ รวมทั้งการสร้างบัญชีแห่งความประทับใจที่เต็มเปี่ยมไปด้วยสัมพันธ์ภาพที่ดี ตลอดจนความสามารถในการสื่อสารความคิด การประสานความเก่งและการเปลี่ยนความต่างและความขัดแย้งให้เกิดเป็นโอกาสและความฉลาดขององค์กร 4. Hi trust Hi-performance team (การสร้างทีมงานที่เต็มเปี่ยมด้วยพลังและศักยภาพ) การสร้างทีมงานที่รู้ใจกันและสามารถจังหวะในการปรับกระบวนความคิดดังนักดนตรที่สามารถประสานบทเพลงให้เกิดความไพเราะเป็นศิลปะและกระบวนการที่องค์กรจะต้องแปรเปลี่ยนอัจฉริยภาพส่วนบุคคลให้กลายเป็นอัจฉริยภาพขององค์กร พร้อมทั้งสามารถที่จะรู้วิธีการมอบหมายหน้าที่ตามความถนัด และบริหารความสำเร็จของทีมงานอย่างเป็นระบบ หลักสูตรทั้ง 4 นี้เป็นการผสมผสานสถาปัตยกรรมที่สำคัญที่ทำให้เกิดกระบวนการในการหมุนพลังแห่งอัจฉริยภาพให้ไปในทิศทางเดียวกัน ซึ่งถ้าองค์กรไหนพัฒนาการผสมผสานให้เข้ากับวิสัย
ทัศน์ค่านิยมและวัฒนธรรมองค์กรและอัจฉริยภาพของศักยภาพของคนในองค์กรก็จะกลายเป็นความกลมกลืนในการรวมพลังในองค์กรให้กลายเป็นหนึ่งเดียว
R - Realign win-win learning system (การสร้างระบบการเรียนรู้ขององค์กร) เมื่อองค์กรมีการสร้างความสามารถในการประสานอัจฉริยะให้เป็นหนึ่งเดียว การสร้างระบบของการเรียนรู้และการปรับความสามารถจะทำให้เกิดการต่อยอดของอัจฉริยภาพเพื่อให้เกิดความคล่องตัวในการใช้อัจฉริยภาพที่มีอยู่อย่างชาญฉลาด เพื่อให้เกิดคุณค่าทั้งภายในองค์กรและภายนอก โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับการลูกค้าคนสำคัญ พนักงานในองค์กร ผู้ถือหุ้นและสังคมโดยส่วนรวมนับเป็นสิ่งที่สำคัญ ผู้เขียนเองได้แนวความคิดของการสร้าง Intelligence nervous system ขององค์กรจาก คุณอาภรณ์ ศรีพิพัฒน์ อดีตกรรมการผู้จัดการบริษัท ไมโครซอพท์ ประเทศไทย ซึ่งปัจจุบันเป็นประธานของกลุ่มบริษัท ภูมิซอพท์ และ SIT ซึ่งได้พัฒนาระบบ software ที่เรียกว่า “COACH” เพื่อช่วยบริหารอัจฉริยภาพขององค์กรให้เกิดการเรียนรู้และการปรับตัวในการลงทุนเพื่อพัฒนาอัจฉริยภาพ พร้อมทั้งรู้จุดเด่นและอัจฉริยภาพของบุคคลากรในองค์กร โดยสามารถที่จะค้นหาสร้างแผนพัฒนาการให้สอดคล้องกับกลยุทธ์ วัฒนธรรมในแต่ละช่วงของ
Copyright reserved by Kris Ruyaporn, Asia Pacific Innovation Center Co.,ltd. Article : องค์กรอัจฉริยะ
การเจริญเติบโต รวมทั้ง Competencies หรือจุดโดดเด่นขององค์กร นอกจากมีระบบการปรับอัจฉริยภาพที่คล่องตัวแล้ว การสร้างระบบการวัดผลภายในองค์กร หรือ win-win evalution เพื่อเข้าใจถึงความสัมพันธ์ของอัจฉริยภาพองค์กรก็เป็นประโยชน์กับการทำธุรกิจ ซึ่งนับเป็นความสัมพันธ์ที่เป็นประโยชน์ในการปรับแนวทางการพัฒนาเป็นอย่างมาก ผู้เขียนเองมีโอกาสสร้างกระบวนการ Customer benchmarking โดยเป็นการประสานอัจฉริยภาพกับผู้ที่เราให้บริการแก่กลุ่มลูกค้า ซึ่งจะเป็นการให้ความต้องการที่แท้จริงของอัฉริยภาพ เพราะความต้องการนี้มีการปรับเปลี่ยนอยู่เสมอ ดังนั้นระบบการเรียนรู้จากสภาวะแวดล้อมและความพร้อมขององค์กรจะสร้างประโยชน์สูงสุดกับคุณค่าขององค์กรที่มีอยู่ตลอดจนสามารถปรับตัวได้อย่างเหมาะสมกับความผกผันที่แปรเปลี่ยน T - Transform wisdom into action (สร้างอัจฉริยภาพให้กลายเป็นเอกลักษณ์อย่างเป็นรูปธรรม) กระบวนการสุดท้ายเป็นการรวมรวมเอากระบวนทั้ง 4 หล่อหลอมให้เกิดเป็นปัญญาแก่ผู้ปฏิบิติการ เพื่อสร้างเป็นเอกลักษณ์ของการปฎิบัติงานอย่างเป็นรูปธรรม
" สิ่งที่สำคัญในการต่อยอดอัจฉริยภาพก็คือการสร้างพื้นฐานของความสัมพันธ์ที่แนบแน่น การเข้าถึงจิตใจและสร้างสายสัมพันธ์ รวมทั้งการสร้างบัญชีแห่งความประทับใจที่เต็มเปี่ยมไปด้วยสัมพันธภาพที่ดี "
เพราะการสร้างอัจฉริยภาพขององค์กรทั้งในแนวการสร้างวิสัยทัศน์ วัฒนธรรม การสร้างพิมพ์เขียวในการเจียระไน การสร้างสถาปัตย์กรรมและวางระบบการเรียนรู้ขององค์กร บางครั้งจะเป็นการเปลี่ยนแปลงที่มีอยู่หลายมิติด้วยกัน ถ้าไม่มีการวางแผนการเปลี่ยนแปลงอย่างเป็นระบบแล้วอาจเกิดการต่อต้านหรือเกิดความยากลำบากในการปรับตัวเข้ากับประบวนการคิดใหม่ ๆ ผู้เขียนเองมีโอกาสไปเป็นพี่เลี้ยงเพื่อผสมผสานแนวคิดใหม่ให้เกิดเป็นแนวปฎิบัติอย่างเป็นรูปธรรมและเป็นเอกลักษณ์ขององค์กรเอง การเปลี่ยนแปลงนี้จำต้องวางรูปแบบเพื่อให้เกิดความสำเร็จ ความมั่นใจและศรัทธา
ในการวางแนวทางการพัฒนารูปแบบขององค์กรอัจฉริยะอย่างแท้จริง เพราะแต่ละองค์กรก็มีสไตล์เป็นของตัวเอง ไม่ว่าจะเป็น Microsoft, Pfizer, IBM, Oracle, ตลาดหลักทรัพย์, Leo group of companies, การเคหะแห่งชาติ องค์กรทั้งหลายที่ผู้เขียนมีโอกาสช่วยเป็นที่ปรึกษาเพื่อสร้างองค์กรแห่งอัจฉริยะล้วนแล้วแต่มีจังหวะและเอกลักษณ์ของตัวเองเพื่อสร้างการโยงใยวิสัยทัศน์กับความฉลาดขององค์กรให้กลายเป็นหนึ่งพร้อมทั้งรอยยิ้มในการแปรเปลี่ยนเพื่อการต่อสู้กับวิกฤตเศรษฐกิจ
http://www.e-apic.com/article/Seven.htm
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น